ฟังก์ชันของ PHP |
ฟังก์ชันเกี่ยวกับสตริง
ฟังก์ชัน explode() และ implode()
ฟังก์ชันทั้งสองนี้ทำงานตรงกันข้ามกัน คือฟังก์ชัน explode() ใช้จัดการแบ่งสตริงออกเป็นสตริงย่อยๆด้วยสัญลักษณ์ที่ใช้เป็นตัวแบ่ง ซึ่งหลังจากแบ่งออกเป็นสตริงย่อยๆแล้วสตริงย่อยเหล่านั้นจะถูกจัดเก็บไว้ในตัวแปรอาร์เรย์เริ่มจากอาร์เรย์ช่องที่ศูนย์
explode(สัญลักษณ์ที่ใช้แบ่ง, สตริงข้อความ, [จำนวนสตริงย่อยที่ต้องการแบ่งออกมา])
Explode.php
one two|three|four one two three four
implode()
ใช้จัดการนำข้อมูลอาร์เรย์มาประกอบรวมกันเป็นสตริงเพียงชุดเดียว
implode(สัญลักษณ์ที่ใช้แบ่ง, อาร์เรย์)
implode.php
lastname,email,phone
ฟังก์ชัน strcmp()
ฟังก์ชันนี้ใช้สำหรับการเปรียบเทียบว่าสตริง 2 ชุด สตริงชุดใดมีค่า
มากกว่า น้อยกว่า หรือมีค่าเท่ากัน
strcmp(string1, string2)
ฟังก์ชันนี้จะคืนค่าที่มีค่าน้อยกว่า 0 ถ้า string1 น้อยกว่า string2 (string1 มาก่อน string2)
ฟังก์ชันนี้มีจะคืนค่าที่มีค่ามากกว่า 0 ถ้า string1 มากกว่า string2 (string1 มาทีหลัง string2)
ฟังก์ชันนี้จะคืนค่าที่มีค่าเท่ากับ 0 ถ้า string1 เท่ากับ string2
Strcmp.php
computer มีค่ามากกว่า command
ฟังก์ชัน strlen()
ฟังก์ชันนี้ใช้สำหรับการหาค่าความยาวของสตริง
strlen(สตริงที่ต้องการหาค่าความยาว)
strlen.php
6 7
ฟังก์ชัน substr()
ฟังก์ชันนี้ใช้สำหรับการดึงบางส่วนของสตริงออกมาจากสตริงหลักโดย
ใช้วิธีการกำหนดว่าจะเริ่มดึงสตริงออกมาตั้งแต่ส่วนไหนและดึงออกมากี่ตัว
substr(สตริงหลัก, จุดเริ่มต้นที่ต้องการดึง, [ความยาวของสตริงที่ต้องการดึงออกมา])
substr.php
bcdef bcd abcd abcdef f
ฟังก์ชันทางคณิตศาสตร์
ฟังก์ชัน abs()
ฟังก์ชันนี้ใช้สำหรับการหาสัมบูรณ์ของเลขจำนวน (Absolute
Number) คือทำการเปลี่ยนเลขจำนวนให้เป็นค่าบวก ไม่ว่าตัวเลขที่
นำมาเข้าฟังก์ชันนี้จะมีค่าติดลบหรือไม่ก็ตาม และนอกจากนั้นฟังก์ชันนี้ยัง
สามารถใช้กับตัวเลขจำนวนเต็ม หรือเลขทศนิยมก็ได้
abs.php
ค่าสัมบูรณ์ของ -4.2 คือ 4.2 ค่าสัมบูรณ์ของ 5 คือ 5 ค่าสัมบูรณ์ของ -5 คือ 5
ฟังก์ชัน max() และ min( )
ฟังก์ชันทั้งสองนี้ใช้ในการหาว่ากลุ่มของตัวเลขที่กำหนดขึ้นมาตัวเลขใด
มีค่ามากที่สุด และตัวเลขใดมีค่าน้อยที่สุดตามลำดับ โดยสามารถนำไป
ประยุกต์ใช้เพื่อหาว่าราคาสินค้าที่มีราคาแพงที่สุดคือเท่าไร และราคาสินค้า
ที่ถูกที่สุดคือเท่าไร
max(ตัวเลขที่1, ตัวเลขที่2, …)
min(ตัวเลขที่1, ตัวเลขที่2, …)
Max Min.php
6500 4500
ฟังก์ชัน pow()
ฟังก์ชันนี้ใช้สำหรับการหาค่าของเลขยกกำลัง
Pow(ตัวเลขฐาน, ตัวเลขชี้กำลัง)
pow.php
2 ยกกำลัง 3 มีค่าเท่ากับ 8 -1 ยกกำลัง 20 มีค่าเท่ากับ 1 0 ยกกำลัง 0 มีค่าเท่ากับ 1
ฟังก์ชัน rand()
ฟังก์ชันนี้ใช้สำหรับการหาค่าของตัวเลขสุ่ม โดยการใช้งานของฟังก์ชัน
นี้จะสุ่มตัวเลขขึ้นมาโดยอัตโนมัติทำให้เราจะได้ค่าตัวเลขที่ไม่เหมือนกัน
แล้วแต่ว่ามันจะสุ่มอะไรให้ รูปแบบการใช้งานเป็นดังนี้
rand([ค่าต่ำสุดที่ต้องการให้สุ่ม , ค่าสูงสุดที่ต้องการให้สุ่ม])
rand.php
เลขสุ่มครั้งที่ 1 เท่ากับ 1451754430 เลขสุ่มครั้งที่ 2 เท่ากับ 1298471324 เลขสุ่มระหว่าง 5-15 เท่ากับ 9
ฟังก์ชัน round()
ฟังก์ชันนี้ใช้สำหรับการปัดตัวเลขทศนิยม ถ้าตำแหน่งที่ต้องการปัด
มากกว่าหรือเท่ากับ 5 ตัวเลขด้านซ้ายที่ติดกันจะปัดขึ้น 1 แต่ถ้าตำแหน่งที่
ต้องการปัดน้อยกว่า 5 ตัวเลขด้านซ้ายที่ติดกันจะเท่าเดิมคือไม่มีการปัด
รูปแบบการใช้งานของฟังก์ชันนี้เป็นดังนี้
round(ตัวเลขทศนิยม, [จำนวนตัวเลขหลังจุดทศนิยมที่ต้องการ])
round.php
3 4 4 4 1.96 5.05 5.06
ฟังก์ชัน sqrt()
ฟังก์ชันนี้ใช้สำหรับการหาค่ารากที่ 2 ของตัวเลขใดๆ (Square Root)
Sqrt.php
ค่ารากที่ 2 ของ 9 มีค่าเท่ากับ 3 ค่ารากที่ 2 ของ 10 มีค่าเท่ากับ 3.1622776601684
ฟังก์ชันเกี่ยวกับวันและเวลา
ฟังก์ชัน date()
ฟังก์ชันนี้ใช้สำหรับดึงวันเดือนปี และเวลาปัจจุบันของเครื่องตาม
รูปแบบที่ต้องการ
date(ตัวอักษรที่ระบุรูปแบบในการแสดงผล, [เวลาที่ระบุ])
Date.php
September 28, 2023, 6:05 pm 09.28.23 28, 9, 2023 20230928 06-05-05, 28-09-23, 0530 0505 4 Thupm23 270 it is the 28th day. Thu Sep 28 18:05:05 ICT 2023 18:09:05 m is month 18:05:05
ฟังก์ชัน getdate()
ฟังก์ชัน getdate() นี้จะให้ผลลัพธ์เหมือนกับฟังก์ชัน date() คือ
ให้ผลลัพธ์เป็นวันและเวลาปัจจุบัน แต่ต่างกันที่ผลลัพธ์จะแสดงเป็นข้อมูล
ชนิดอาร์เรย์
getdate.php
5 5 18 28 4 9 2023 270 Thursday September
ceil()
คิดว่าย่อมาจาก ceiling ที่แปลว่าเพดานนั่นแหละครับ ความสามารถของฟังก์ชันนี้ก็สมกับชื่อของมันครับ คือการปัดเศษให้ติดเพดาน หรือการปัดเศษขึ้นไปเป็นจำนวนเต็มที่ใกล้ที่สุดไปเลยนั่นเอง โดยมีรูปแบบการใช้งานดังนี้
ceil(เลขทศนิยม)
ดูตัวอย่างนะครับ
6 6 5 ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ
6
6
5
เห็นได้ว่า ไม่ว่าเศษทศนิยมมันจะมากหรือน้อยแค่ไหน มันก็จะถูกปัดขึ้นเสมอเลยครับ
floor()
แปลเป็นภาษาไทยก็คือ พื้น ถ้าจะให้เดาหน้าที่การทำงาน ก็คือ การปัดเศษให้ต่ำติดพื้นไปเลยนั่นเอง ซึ่งก็คือ การปัดเศษลงไปยังจำนวนเต็มใกล้เคียงที่สุดครับ มีรูปแบบการใช้งานเหมือนกับ ceil() เลยก็คือ
floor(เลขทศนิยม)
เรามาดูตัวอย่างกันครับ
5 5 4 ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ
5
5
4
สังเกตนะครับ ว่าแทนที่มันจะปัดเศษขึ้นเหมือนกับฟังก์ชัน ceil() แต่ floor() จะทำการปัดเศษลงหมด โดยไม่สนว่าจำนวนเทศนิยมนั้น มีค่ามากน้อยแค่ไหน
วันนี้พอหอมปากหอมคอแค่นี้ครับ
ฟังก์ชัน addslashes
ฟังก์ชัน addslashes()
เป็นฟังก์ชันที่ใช้เพิ่มเครื่องหมาย backslash (\) ให้กับ
double quote (") , single quote (') และ backslash (\)
ส่วนใหญ่มักใช้งานฟังก์ชันนี้ กับการสร้างสตริงคำสั่ง SQL เพื่อดำเนินการใด ๆ กับฐานข้อมูล
ฟังก์ชัน ord และ chr
ord() เป็นฟังก์ชันที่จะส่งค่าแอสกี้ของตัวอักษรที่ระบุกลับมา
chr() เป็นฟังก์ชันที่จะ คืนค่าตัวอักษร กลับมาหลังจากเราใส่ค่า Acsii ไปให้
เช่น
ค่า ASCII ของ X คือ ord(X)
ตรวจสอบค่า ASCII 88 ได้ตัวอักษร chr(88)
จากตัวอย่างเป็นการใช้คำสั่ง เพื่อหาค่า ascii ของตัวอักษร X
ฟังก์ชันที่ใช้ในการเข้ารหัส
PHP มีฟังก์ชันที่ใช้ในการเข้ารหัสมากมาย
ทั้ง crypt , md5 , crc32
ฟังก์ชัน crypt()
เป็นฟังก์ชัน ที่ใช้เข้ารหัสข้อความ โดยที่ไม่สามารถถอดรหัสนั้นกลับคืนมาเป็นข้อความเดิมได้
ผลลัพธ์ที่ได้จากการเข้ารหัสด้วยฟังก์ชันนี้จะเปลี่ยนแปลงไปทุกครั้งเมื่อมีการเรียกใช้งาน
ครั้งที่ 1 : $1$IsglKb7D$DVXef8tn0pTbPKbML4suJ/
ครั้งที่ 2 : $1$ErQy.jSz$s4TWahqUPyRV/z85Ob5cS0
ครั้งที่ 3 : $1$1lsB.ylE$ad2IBLIwyj1BGuijZyMnP/
จากตัวอย่างจะมีการแสดงค่าที่ได้จากคำสั่ง crypt ถึง 3 ครั้ง
เพื่อแสดงให้เห็นว่าข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสด้วย crypt มีผลออกมาเป็นอย่างไร
ฟังก์ชัน md(5)
เป็นฟังก์ชันที่เข้ารหัสข้อความด้วยวิธี Message-Digest Algorithm ของ RSA Data Security , Inc.
ฟังก์ชันนี้มีแบบแผนในการเข้ารหัสที่แน่นอน โดยผลลัพธ์ เป็นสตริงที่มีความยาว 32 ตัวอักษร
นำข้อมูล truehits เข้ารหัส md5 ได้ผลคือ : a62458f1c1b4f38b32cdeefd476bc8bb
ผลที่ได้จากฟังก์ชัน md5 จะมีแบบแผนที่แน่นอน ซึ่งถ้าเราเรียกคำสั่งนี้หลาย ๆ ครั้ง
กับข้อมูลชุดเดิม ก็จะได้ผลลัพธ์เหมือนเดิมเสมอ
ฟังก์ชัน crc32()
เป็นฟังก์ชันที่ใช้สร้าง CRC
จากข้อความที่กำหนด ผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นตัวเลขจำนวน 32 บิต
ข้อความ truehits เข้ารหัส CRC ได้ : 121198201
หรือเขียนในตัวเลขฐานสองได้ดังนี้ : 111001110010101011001111001
หรือเขียนในตัวเลขฐานสองได้ดังนี้ : 111001110010101011001111001
เรามักใช้ฟังก์ชัน crc32 ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่รับส่งกัน
ฟังก์ชันสำหรับรวมและแยกสตริง
ฟังก์ชันสำหรับรวมและแยกสตริง
สำหรับการแยกสตริงออกเป็นสมาชิก array ต่าง ๆ และการรวมสมาชิก array ต่าง ๆ นั้น
ทาง php ได้สร้างฟังก์ชันสำหรับใช้งานในส่วนนี้ได้แก่ implode() และ explode()
implode() เป็นฟังก์ชันที่นำข้อมูลจากarrayมาประกอบกันเป็นข้อมูล ชนิดสตริง
Truehits+Thailand+Directoryจากการใช้งานฟังก์ชันนี้ทำให้ได้ข้อมูลสตริง
explode() เป็นฟังชันก์ที่ใช้แบ่งข้อความออก โดยได้ ผลลัพธ์เป็นarray
ซึ่งแบ่งเป็นสมาชิกตัวต่าง ๆ ได้จาก ตัวแยกที่กำหนดในฟังก์ชัน
ตัวอย่าง
ต้องการแยกข้อความโดยใช้ช่องว่างแยกได้คือ 0: Truehits
ต้องการแยกข้อความโดยใช้ช่องว่างแยกได้คือ 1: Thailand
ต้องการแยกข้อความโดยใช้ช่องว่างแยกได้คือ 2: Directory
จากการใช้คำสั่ง explode ทำให้ได้ array และข้อความที่แยกจะไปเป็นสมาชิก array
ฟังก์ชัน htmlspecialchars และ nl2br
htmlspecialchars() เป็นฟังก์ชันที่ใช้เปลี่ยนตัวอักษร
ซึ่งมีความหมายพิเศษต่อเว็บบราวเซอร์ เช่น < , > , & , " , '
ให้อยู่ในรูปแบบที่เว็บบราวเซอร์สามารถแสดงผลได้อย่างถูกต้อง
เช่น > จะถูกเปลี่ยนเป็น > เป็นต้น
ส่วน nl2br() เป็นฟังก์ชันที่ใช้แทรกแท็ก
( หรือแท็ก , ใช้ขึ้นบรรทัดใหม่ของ XHTML )
1: ทดสอบ
2:<font color=red><br>ทดสอบ</b></font>จากตัวอย่างจะเห็นว่า htmlspecialchars เป็นฟังก์ชันที่มีประโยชน์มาก
ฟังก์ชัน strlen และ strrev
strlen() เป็นฟังก์ชันที่ใช้นับจำนวนอักษรในสตริง (ความยาวของสตริง)
strrev() เป็นฟังก์ชันที่ใช้กลับลำดับของตัวอักษรในสตริง
จำนวนอักษร =27
สลับด้านตัวอักษร ได้ผลดังนี้ :yrotceriD dnaliahT stiheurTฟังก์ชัน trim , ltrim และ rtrim
trim() ใช้ตัด ช่องว่างที่มองไม่เห็นทุกประเภทออกไปโดย
ตัดทางด้านหน้าและด้านหลังของข้อความ
ltrim() ใช้ตัด ช่องว่าง ทางด้านหน้าของข้อความที่กำหนด
rtrim() ใช้ตัด ช่องว่าง ทางด้านหลังของข้อความที่กำหนด
$mystr ยาว 10ตัวอักษร
$cutstr มีความยาว 9ตัวอักษร
$rcutstr มีความยาว 9ตัวอักษร
$abmystr มีความยาว 8ตัวอักษร
|